วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เป็นเกณฑ์มีจุหมายจะปกป้องพลเมืองแต่ละคนให้รอดพ้นจากการถูกรังแก สิทธิมนุษยชนเป็น พื้นฐานแห่งเสรีภาพความยุติธรรม และสันติภาพโลก
ปริญญาสากลว่า ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพ มีความเท่าเทยมกันในเกียรติศักดิ์และสิทธิตั้งแต่เกิดมา และไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติอันต่อเนื่องมาจากสัญชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา เชื้อชาติ เพศ ความคิดเห็นทางการเมือง ความร่ำรวย หรือทรัพย์สินสิทธิที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากล คืออิสภาพจากการเป็นทาส อิสรภาพจากการถูกทรมาน การได้รับกาคุ้มครองตามกฎหมายโดยเท่าเทียมกัน อิสรภาพจากการถูกจับกุมตามอำเภอใจ สิทธิที่จะได้รับจากการพิจารณาคดีในศาลโดยยุติธรรม เสรีภาพในการคิด
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
คำปรารภ
โดยการยอมรับนับถือเกียรติศักดิ์ประจำตัว และสิทธิเท่าเทียมกัน และโอนมิได้ของบรรดาสมาชิกทั้งหลายแห่งบรรดามนุษย์ เป็นหลักมูลแห่งอิสรภาพความยุติธรรมและสันติภาพในโลก
โดยที่เป็นการไม่นำภาพและการเหยียดหยามต่อสิทธิมนุษยชนยังผลให้มีการกระทำอย่างป่าเถื่อน เป็นการละเมิดมโนธรรมของมนุษยชาติอย่างร้ายแรง และได้มีการประกาศว่าปณิธานสูงสุดของสามัญชน
โดยที่เป็นการจำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษยชนควรได้รับการความคุ้มครอง โดยหลักบังคับของกฎหมายของกฎหมาย ถ้าไม่ประสงค์ให้คนต้องถูกบังคับให้หันเข้าหาทหารกบฏขัดขืนต่อทรราชและการกดขี่เป็นวิถีทางสุดท้าย
โดยที่ประชากรแห่งสหประชาชาติได้ยืนไว้ในกฎบัตรถึงความศรัทธาในสิทธิมนุษยธรรมอันเป็นหลักมูลในเกียรติศักดิ์และค่ามนุษย์ และในสิทธิเท่าเทียมกันของบรรดาชายหญิง และได้ตกลงใจที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าทางสังคมและมาตรฐานแห่งชีวิตที่ดีขึ้นพร้อมด้วยอิสรภาพอันไพศาล
โดยที่รัฐสมาชิกต่างปฏิญาณจะให้บรรลุถึงการส่งเสริมการเคารพทั่วไป และการปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพหลักมูลโดยความร่วมมือสหประชาชาติ
โดยที่ความเข้าใจร่วมกันในสิทธิและอิสรภาพเหล่านี้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ปฏิญาณนี้สำเร็จผลเต็มบริบูรณ์
ฉะนั้น สมัชชาจึงประกาศว่า
ปฏิญญาสากล เป็นมาตรฐานร่วมกันแห่งความสำเร็จสำหรับบรรดาประชากรและประชาชาติทั้งหลาย เพื่อจุมุ่งหมายปลายทางที่ว่าเอกชนทุกคนและองค์กรของสังคมทุกองค์กร
ข้อ 1 มนุษย์ทั้งหลายเกิดมาอิสระและเสมอภาคในเกียรติศักดิ์และสิทธิ ต่างมีความรู้สึกผิดชอบและมโนธรรมและควรปฏิบัติต่อกันด้วยเจตนารมณ์แห่งภราดรภาพ
ข้อ 2 (1) ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพบรรดาที่พรรณนาไว้ในปฏิญญา ปราศจากการแบ่งแยกโดยวิธีใดๆ เช่น เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือทางอื่น เผ่าพันธุ์แห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินกำเนิด หรือสถานะอื่นๆ
(2) ไม่มีการแบ่งแยกใดๆ ตามมูลฐานแห่งสถานะทางการเมือง ทางการศาลหรือทางการระหว่างประเทศของประเทศ หรือดินแดนที่บุคคลสังกัดไม่ว่าดินแดนนี้จะเป็นเอกราช อยู่ในความพิทักษ์มิได้ปกครองตนเองหรืออยู่ภายใต้การจำกัดอธิปไตยใดๆ ทั้งสิน
ข้อ 3 คนทุกคนมีสิทธิในการดำรงชีวิต เสรีภาพ และความมั่นคงแห่งตัวตน
ข้อ 4 บุคคลผู้ใดจะถูกยึดเป็นทาสหรือต้องภาระจำยอม ไม่ได้ความเป็นทาสและการค้าทาสเป็นห้ามขาดทุกรูป
ข้อ 5 บุคคลใดๆ จะถูกทรมาน หรือได้รับผลปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้ายผิดมนุษยธรรมหรือต่ำช้าไม่ได้
ข้อ 6 ทุกคนมีสุทธิที่จะได้รับการนับถือว่าเป็นบุคคลตามกฎหมายทุกแห่งหน
ข้อ 7 ทุกคนเสมอกันตามกฎหมาย มีสิทธิที่ได้รับความคุ้มครองของกฎหมายเท่าเทียมกัน ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ อันเป็นการล่วงละเมิดปฏิญญานี้ และจากการยุยงให้เกิดการเลือกปฏิบัติดังกล่าว
ข้อ 8 ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการเยียวยาจากศาลที่มีอำนาจแห่งชาติก่อการกระทำอันละเมิดสิทธิหลักมูล ตนได้รับตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
ข้อ 9 บุคคลใดจะถูกจับกุม กักขัง หรือเนรเทศไปต่างถิ่นโดยพลการไม่ได้
ข้อ 10 ทุกคนมีสิทธิทางเสมอภาคเต็มที่ การพิจารณาเป็นธรรมและเปิดเผยจากศาลที่อิสระและเที่ยงธรรมในการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของตน
ข้อ 11 (1) ทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญา มีสิทธิที่จะได้การสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามีผิดตามกฎหมาย
(2) จะถือบุคคลใด ๆ ว่ามีผิดในความผิดในทางอาญาเนื่องด้วยการกระทำหรือละเว้นใด ๆ อันมิได้จัดเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายแห่งชาติ หรือกฎหมายระหว่างประเทศในขณะที่ได้กระทำการนั้นขึ้นไม่ได้
ข้อ 12 บุคคลใด ๆ จะถูกแทรกสอดโดยพลการในการในความเป็นส่วนตัว ในครอบครัว ในเคหสถาน หรือในการสื่อสาร และถูอกลบหลู่ในเกียติยศและชื่อเสียงไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองของกฎหมายต่อการแทรกสอด หรือการลบหลู่
ข้อ 13 (1) ทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งการเคลื่อนไหว และสถานที่อยู่ภายในเขตของแต่ละรัฐ
(2) ทุกคนมีสิทธิที่จะออกจากประเทศใดไป รวมทั้งประเทศของตนเองด้วยและที่จะกลับประเทศตน
ข้อ 14 (1) ทุกคนมีสิทธิที่จะแสวงหา และที่จะได้อาศัยประเทศอื่นให้พ้นจากการประหัตประหาร
(2) จะอ้างสิทธิไม่ได้ การประหัตประหารสืบเนื่องอย่างแท้จริงมาจากความผิดที่มิใช่ทางการเมืองหรือจากการกระทำอันขัดต่อวัตถุประสงค์ และหลักการของสหประชาชาติ
ข้อ 15 (1) ทุกคนมีสิทธิในการถือสัญชาติ
(2) บุคคลใด จะถูกตัดสัญชาติของตนโดยพลการ หรือถูกปฏิเสธสิทธิที่เปลี่ยนสัญชาติไม่ได้
ข้อ 16 (1) ชายหญิงที่มีอายุเต็มบริบูรณ์แล้ว มีสิทธิที่ทำการสมรส และที่จะก่อตั้งครอบครัว โดยไม่จำกัด เชื้อชาติ สัญชาติ หรือ ศาสนาต่างมีสิทธิเท่าเทียมกันในการสมรส ระหว่างการสมรสปละการขาดจากการสมรส
(2) การสมรสจะกระทำกัน ด้วยความยินยอมโดยอิสระและเต็มที่ของผู้ที่เจตนาจะเป็นผู้สมรส
(3) ครอบครัวเป็นหน่วยธรรมชาติและหลักมูลของสังคม และมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองจากสังคมและรัฐ
ข้อ 17 (1) ทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินโดยตนเอง เช่น เดียวกัน โดยร่วมกับผู้อื่น
(2) บุคคลใด ๆ จะถูกบังคับให้เสียทรัพย์สินโดยพลการไม่ได้
ข้อ 18 ทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งความคิด มโนธรรม และศาสนา โดยการสอนปฏิบัติการสักการบูชา และการประกอบพิธีกรรม
ข้อ 19 ทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งความคิดเห็นและการแสดงออก ปราศจากการแทรกสอด และที่จะแสวงหา รับและให้ข่าวสาร และความคิดเห็นไม่ว่าโดยวิธีใดๆ
ข้อ 20 (1) ทุกคนมีสิทธิในอิสรภาพแห่งการร่วมประชุมและการตั้งสมาคมโดยสันติ
(2) บุคคลใดๆ จะถูกบังคับให้สังกัดสมาคมหนึ่งสมาคมใดไม่ได้
ข้อ 21 (1) ทุกคนมีสิทธิที่จะมีส่วนในรัฐบาลของประเทศตน จะเป็นโดยตรงหรือโดยผ่านทางผู้แทนได้เลือกตั้งโดยอิสระ
(2) ทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าถึงบริการสาธารณะในประเทศของตนโดยเสมอภาค
(3) เจตจำนงของประชากรจะต้องเป็นมูลฐานแห่งอำนาจของรัฐบาลเจตจำนงนี้จะต้องแสดงออกทางการเลือกตั้งตามกำหนดเวลาอย่างแท้จริง
ข้อ 22 ทุกคนในฐานที่เป็นสมาชิกของสังคมมีสิทธิในความมั่นคงทางสังคม อันจำเป็นยิ่งสำหรับเกียรติศักดิ์ของตน และวิวัฒนาการแห่งบุคลิกของตน
ข้อ 23 (1) ทุกคนมีสิทธิในการงาน ในการเลือกงานโดยอิสระในเงื่อนไขอันยุติธรรมเป็นประโยชน์แห่งการงาน และในการคุ้มครองต่อการว่างงาน
(2) ทุกคนมีสิทธิจะได้รับเงินค่าจ้างเท่าเทียมกัน สำหรับงานเท่าเทียมกัน
(3) ทุกคนที่ทำงานมีสิทธิที่จะได้รับสินจ้างที่ยุติธรรม และเป็นประโยชน์ที่จะให้ประกันแก่ตนเองและครอบครัวแห่งตน
(4) ทุกคนมีสิทธิที่จะจัดตั้งและที่เข้าร่วมสหพันธ์กรรมการเพื่อความคุ้มครองแห่งผลประโยชน์ของตน
ข้อ 24 ทุกคนมีสิทธิในการพักผ่อน และเวลาว่าง รวมทั้งการจำกัดเวลางานตามสมควร
ข้อ 25 (1) ทุกคนมีสิทธิในมาตรฐานการครองชีพอันเหมาะสมแก่สุขภาพ และความผาสุกของตน และครอบครัวรวมทั้งอาหาร เครื่องนุ่มห่มที่อยู่อาศัย และการรักษาทางแพทย์ และบริการสังคมที่จำเป็นและมีสิทธิในความมั่นคงยามว่าง เจ็บป่วย พิการ เป็นม่าย วัยชราหรือหรือขาดอาชีพ
(2) มาดาและเด็ก มีสิทธิที่จะรับการรักษาและการช่วยเหลือเป็นพิเศษ
ข้อ 26 (1) ทุกคนมีสิทธิในการศึกษา การศึกษาจะต้องให้เปล่าอย่างน้อยในขั้นประถมศึกษาและการศึกษาขั้นหลักมูล การประถมศึกษาจะต้องเป็นการบังคับ การศึกษาทางเทคนิคและวิชาชีพจะต้องอันเปิดโดยทั่วไป และการศึกษาขั้นสูงขึ้นไป
(2) การศึกษาจะได้จัดในทางส่งเสริมบุคลิกภาพของมนุษย์อย่างเต็มที่และยังความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพหลักมูลให้มั่นคงขึ้น จะต้องส่งเสริมความเข้าใจขันติธรรมและมิตรภาพระหว่างบรรดาประชาชาติ หมู่เชื้อชาติหรือศาสนา และจะต้องส่งเสริมกิจการของสหประชาชาติ เพื่อการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ
(3) บิดามารดามีสิทธิเบื้องแรก ที่จะเลือกชนิดการศึกษาอันจะให้บุตรของตน
ข้อ 27 (1) ทุกคนมีสิทธิที่จะร่วมในชีวิตทางวัฒนธรรมของประชาคมโดยอิสระที่เสวยผลแห่งศิลปะศาสตร์และจะมีส่วนในความก้าวหน้าและคุณประโยชน์ของวิทยาศาสตร์
(2) ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองผลประโยชน์ทางศีลธรรม และทางวัตถุอันเป็นผลของประดิษฐ์กรรมใดๆ ทางวิทยาศาสตร์ วรรณกรรม และศิลปกรรมตนเป็นผู้สร้าง
ข้อ 28 ทุกคนมีสิทธิในระเบียบทางสังคมและทางระหว่างประเทศ จะเป็นทางให้สำเร็จผลตามสิทธิและอิสรภาพดั่งพรรณนา
ข้อ 29 (1) ทุกคนมีหน้าที่ต่อประชาคม ด้วยการส่งเสริมบุคลิกภาพของตนโดยอิสระและเต็มที่ จะกระทำได้ก็แต่ในปะชาคมเท่านั้น
(2) ในการใช้สิทธิและอิสรภาพแห่งตน ทุกคนจะอยู่ในบังคับก็แต่ของข้อจำกัด ได้กำหนดลงในกฎหมายเท่านั้น เพื่อประโยชน์แห่งการรับนับถือ และเคารพสิทธิ อิสรภาพของผู้อื่นตามสมควร และแห่งการบำบัดความต้องการอันชอบธรรมของศีลธรรม ความสงบเรียบร้อยของสาธารณะและสวัสดิการทั่วไปในสังคมประชาธิปไตย
(3) สิทธิและอิสรภาพเหล่านี้ จะใช้ขัดต่อวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติไม่ได้เป็นอันขาด
ข้อ 30 ไม่มีบทใดในปฏิญญานี้ที่จะอนุมานว่าให้สิทธิใด แก่รัฐ หมู่คน หรือบุคคลในอันที่จะดำเนินกิจการใดๆ หรือปฏิบัติใดๆ อันมุ่งต่อการทำลายสิทธิและอิสรภาพดังพรรณนา

ไม่มีความคิดเห็น: